ซื้อกล้อง VDO ดิจิตอลมา จะ load หนังเข้าคอมพิวเตอร์อย่างไร
อุตส่าห์ไปถอยกล้อง VDO ดิจิตอลมา มาถึงก็ชาร์จถ่าน ตั้งค่าต่าง ๆ พรุ่งนี้จะไปเที่ยวจะเอาไปถ่ายเก็บความทรงจำ รุ่งขึ้นไปเที่ยวถ่าย VDO มาจนเต็มม้วน กลับมาถึงบ้านจะตัดต่อหรือเก็บหนังส่วนตัวเอาไว้ได้อย่างไรถ้าไม่ได้อยู่ในม้วน (เพราะม้วนแพงเหลือเกิน)
ปัญหานี้อาจจะเป็นปัญหาของตากล้องมือใหม่เกือบทุกคน ก่อนอื่นท่านต้องสำรวจกล้อง VDO ของท่านก่อนว่าเป็นแบบไหนใน 3 รูปแบบดังต่อไปนี้
1. กล้อง VDO ดิจิตอลแบบบันทึกลงม้วน MiniDV หรือม้วน Digital8
2. กล้อง VDO ดิจิตอลแบบบันทึกลงแผ่น DVD
3. กล้อง VDO ดิจิตอลแบบบันทึกลง memory อื่น ๆ เช่น SD card(Sanyo,Panasonic), Compactflash หรือ Microdrive(JVC บางรุ่น) หรือ Hard disk drive(JVC), Memory stick(SONY) เป็นต้น
คราวนี้เมื่อทราบแล้วว่ากล้องของเราเป็นแบบใด เราก็สามารถเลือกวิธี load หนังจากกล้องออกมาใส่ในคอมฯ จากนั้นจะตัดต่อหรือบันทึกลง VCD หรือ DVD ต่อก็สามารถทำได้ ซึ่งหลังจาก load หนังเราลงคอมฯ แล้ว ม้วนหรือแผ่น DVD หรือ memory ต่าง ๆ เราสามารถนำไปบันทึกใหม่ได้ ทำให้ประหยัดไม่ต้องซื้อม้วน, DVD และ memory อีก เรามาเริ่มต้นกันเลยละกัน
ถ้าหากกล้องท่านเป็นแบบที่ 1 คือบันทึกลงม้วน MiniDV หรือ Digital8 แบบนี้จะเป็นแบบที่นิยมมากที่สุด สามารถบันทึกได้โดยมีความใกล้เคียงกับกล้อง VDO รุ่นเดิมมากคือยังต้องบันทึกลงม้วนเทป เพียงแต่สัญญาณที่บันทึกลงเทปเป็นสัญญาณดิจิตอล ไม่ใช่สัญญาณอนาลอคเหมือนแต่ก่อน ซึ่งสัญญาณ VDO นี้ก็ยังคงเรียงกันตามความยาวของเทปเช่นเดิม ดังนั้นต้องทำใจว่าเวลาในการ load หนังออกมาต้องใช้เวลายาวเท่ากับความยาวของเนื้อเทปครับ อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้คือ port ความเร็วสูงที่ชื่อว่า fire wire หรือชื่อทางการว่า IEEE1394 ทีนี้จะทราบได้อย่างไรว่าคอมฯ เรามีไอ้ IEEE1394 หรือเปล่า เข้าไปดูได้เลยใน setting-control panel-system-แถบ Hardware-Device manager ลองหาดูว่ามี IEEE1394 หรือเปล่า ถ้ามีและมีเครื่องหมาย + ด้านหน้าลองคลิกเข้าไปที่เครื่องหมาย + ถ้ามีชื่อขึ้นมาก็แสดงว่าเครื่องคอมฯ เรามี IEEE1394 อยู่แล้ว (ไชโย ไม่ต้องเสียตังค์) จากนั้นก็มาหาว่ามันอยู่ตรงไหน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ด้านหลัง หรือถ้าเป็นเครื่องใหม่ ๆ ก็จะมีอยู่ด้านหน้าด้วย ซึ่งก็ต้องดูอีกว่าเป็นแจ็คแบบเล็กหรือแบบใหญ่ (ดูตามรูปครับ-ต้องเช็คทั้งที่เครื่องและที่กล้องเลยนะครับ และต้องหาสายตามชนิดแจ็คด้วยนะครับ)

แต่ถ้าโชคร้ายเครื่องเราไม่มี IEEE1394 ก็ต้องเตรียมสตางค์ไว้ซื้อแล้วล่ะครับ ถ้าเป็นเครื่อง PC ก็ไปหา IEEE1394 card pci มาใส่ (หรือยกเครื่องไปร้านคอมบอกอยากได้การ์ด IEEE1394 เค้าก็จะใส่ให้และตั้งค่าต่าง ๆ ให้ด้วย) หรือถ้าเป็น notebook ก็หา IEEE1394 แบบที่เป็นการ์ด PCMCIA มาใส่ก็ได้ (ก็ยกไปร้านคอมฯแล้วบอกว่าขอซื้อ IEEE1394 แบบPCMCIA เท่านี้เค้าก็จะติดตั้งให้เราเองครับ)
จากนั้นก็ต้องหาโปรแกรมที่จะ capture หนังออกมาครับ ซึ่งผมขอแนะนำ Ulead VideoStudio ครับ ที่แนะนำตัวนี้เพราะใช้งานง่าย และมีการแนะนำเป็นขั้นเป็นตอน (ตอนนี้รู้สึกจะ version9 หรือ 10 แล้ว และส่วนใหญ่ถ้าต้องเสียเงินซื้อการ์ด IEEE1394 จะมีแถมมาให้ครับ) ซึ่งวิธีใช้ก็หาซื้อหนังสือมาอ่านได้ครับ (SE-ED มีขายครับ)
เมื่อได้มาครบแล้วทึ้งการ์ด และโปรแกรม ก็สามารถ load หนังออกมาจากม้วน MiniDV หรือ Digital8 ได้แล้วล่ะครับ หลัีงจากนั้นจะไปตัดต่อหรือ write ลง VCD หรือ DVD ก็แล้วแต่ท่านแล้วล่ะครับ แต่หลังจาก load หนังออกแล้วเราสามารถนำม้วนไปบันทึกซ้ำได้นะครับ (คราวนี้ไม่ต้องซื้อม้วนบ่อย ๆ แล้ว)
คราวนี้มาว่ากันถึงกล้องแบบบันทึกลงแผ่น DVD กันบ้าง สำหรับกล้องแบบนี้สบายกว่าแบบแรกคือบันทึกลงแผ่น DVD มาแล้ว (แต่ก็ต้องมีเครื่องอ่าน DVD ที่คอมฯ ด้วย) หลังจากถ่ายมาเสร็จเราก็เอาแผ่น DVD เข้าคอมฯ และใช้โปรแกรมที่แถมมากับกล้อง load ออกมาได้เลย หลังจากนั้นก็นำไปตัดต่อและ write เก็บเป็น VCD หรือ DVD กันตามสะดวก
เกิดปัญหาถามมาอีกว่า ก็ในเมื่อเป็น DVD อยู่แล้วทำไมต้อง load ออกมาและ write เป็น DVD อีก คำตอบมี 2 คำตอบคือ
1. แผ่น DVD ที่มากับกล้องเป็นแผ่น DVD RW(Re-writable) ซึ่งราคาจะแพงมาก(ประมาณ 180 บาทต่อแผ่น) และเป็นแผ่นแบบเล็ก ซึ่งจะเล่นกับเครื่องเล่นบางเครื่องไม่ได้ เราจึงต้อง load ออกมาและ write ลงแผ่น DVD R ธรรมดา (ราคาประมาณ 10-20 บาทต่อแผ่น)
2. เราต้องการตัดต่อหนังที่ถ่ายมา เพราะบางชอตเราก็ไ่ม่ต้องการ
สำหรับข้อดีของกล้องที่บันทึกลงแผ่น DVD คือ ใช้เวลาในการ load ออกเร็วมาก (เท่ากับ copy ไฟล์จากแผ่นลงคอมฯ เท่านั้นเอง) จะไม่ต้องใช้เวลานานเท่ากับที่ load จากม้วน และสามารถนำไปเล่นดูกันได้เลยหลังจากถ่ายเสร็จ โดยใช้เครื่องเล่น DVD ปกติ
สำหรับกล้องในรูปแบบที่ 3 คือบันทึกลง memory แบบนี้จะง่ายที่สุด เพราะกล้องได้ประมวลผลข้อมูลลง memory ไว้ให้เราหมดแล้ว เราก็เพียงแต่นำ memory มา load ออกเข้าคอมฯ เท่านั้นก็เสร็จ หลังจากนั้นก็ใช้โปรแกรมตัดต่อที่แถมมากับกล้องทำการตัดต่อและสามารถบันทึกลง VCD หรือ DVD ได้ตามสะดวก
ข้อดีของกล้องที่บันทึกลง memory คือ load ออกได้ง่ายที่สุด (เพราะใช้ card reader สำหรับ load ออกได้เลย) และส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก, เบา แต่ข้อเสียคือค่อนข้างใช้ไฟเปลือง แบตจะหมดเร็ว และ memory จะมีราคาค่อนข้างสูง (เช่น CompactFlash 4GB ซึ่งจะได้พอ ๆ กับม้วน MiniDV 1 ม้วน-บันทึกในความละเอียดเท่า ๆ กัน-จะมีราคาประมาณ 5000 บาท ซึ่งม้วน MiniDV จะมีราคาประมาณ 500 บาทเท่านั้น)
มาถึงตอนนี้คงได้มองเห็นภาพรวม ๆ แล้วว่าจะทำอะไรกับข้อมูลในกล้อง VDO ดิจิตอลของคุณได้บ้างนะครับ และสัจจธรรมของนักเล่นกล้องทั้งกล้อง VDO หรือกล้องภาพนิ่งคือ อุปกรณ์ที่ถูกที่สุดที่คุณซื้อคือกล้องครับ เพราะอุปกรณ์อย่างอื่น ๆ รวมราคากันแล้วแพงกว่ากล้องครับ เพราะฉะนั้นจะซื้อจะใช้อะไร ศึกษาหาข้อมูลก่อนครับว่าแบตหรือ memory ราคาเป็นอย่างไร กล้องบางตัวราคาถูกแต่แบตและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ราคาแพงจนซื้อไม่ได้ ถ้าคุณซื้อมาและหาอุปกรณ์อื่น ๆ ใช้ด้วยไม่ได้ ไม่นานคุณก็ต้องเปลี่ยนตัวใหม่ครับ สู้ซื้อกล้องแพงนิดแต่อุปกรณ์ถูก ๆ ดีกว่าครับ
อย่าเล่นกับอุปกรณ์ Hitech มากจนลืมคนข้างตัว, ข้างห้อง, ข้างบ้านนะครับ เจอกันโอกาสหน้าครับ
Mr.Keyman / 12 พ.ค. 2549
ติดต่อถามปัญหากับ Mr.Keyman ส่งมาได้ที่ E-mail:neonet980@hotmail.com
|